ขอออกตัวว่า ผมก็เป็น Developer มาก่อน และก็เป็นคนไม่ชอบตื่นเช้า และหัวแล่นในเวลาแปลกๆ จึงมีความเห็นใจคนที่อยากทำงานแบบ flexible working hour
การทำงานแบบ Flexible working hour เริ่มเป็นที่นิยมในบริษัทรุ่นใหม่ ๆ แบบ Tech Startup ซึ่งมักใช้เป็นจุดขายให้กับ Developer/Designer – ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะเป็นเรื่องยากมากที่จะทำให้ Developer/Designer ทำงานเป็นเวลา
นั่นทำให้ผมเริ่มเห็นกระแสของเด็กจบใหม่ใน 2-3 ปีที่ผ่านมา ที่เริ่มถามถึงเรื่องนี้ ประหนึ่งว่ามันเป็นสิ่งจำเป็น เป็นสิ่งที่บริษัท cool ๆ ต้องมี
เราควรทำให้ทุกคนมาตรงเวลาหรือไม่?
คำถามที่สำคัญกว่า คือ เราควรทำให้คนมาทำงานตามเวลาหรือไม่?
ผมอยากแชร์ความคิดในหมวกบริษัทก่อน ว่า ผมคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้างเมื่อกำหนดเวลาเข้างาน
ประสิทธิภาพของสมอง ไม่ได้สั่งได้ตามเวลา
ผมยังคงอ่านเรื่อง brain hack หรือ supplement ต่าง ๆ ที่ช่วยให้สมองทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นอยู่เรื่อย ๆ (สำหรับปี 2017 — ขอแนะนำ The Net and The Butterfly กับ Smart Drug Smarts — อันหลังนี่ hard core มาก กรุณาทำการบ้านก่อนทำตาม)
เรามีความเชื่อว่ามีคนที่ทำงานได้ดีในตอนกลางวัน กับคนที่ทำงานได้ดีในตอนกลางคืน
ความรู้บอกเราว่า ประสิทธิภาพของสมองถูก drive ด้วยปัจจัยต่าง ๆ มากมาย ทั้งระดับ hormone การกิน การนอน อารมณ์ เสียง อุณหภูมิ
ในฐานะบริษัท หากเราคาดหวังว่าคนทำงานให้เราที่ x ชั่วโมงต่อเดือน — เราย่อมอยากได้ x ชั่วโมงที่เขาทำงานได้ดีที่สุด
การที่กำหนดเวลาเข้าออกงานที่ตายตัว ย่อมแปลว่า เรามีโอกาสที่ได้ช่วงเวลาที่คนทำงานหัวไม่แล่น
ในฐานะบริษัท — เราอยากเก็บตกช่วงเวลาของคนที่ไม่ได้ทำงาน routine ในจังหวะที่ prime ที่สุด
นั่นคือที่มาของความเชื่อเรื่อง flexible working hour ที่กลายเป็นจุดขายของ Startup และบริษัทรุ่นใหม่ ๆ จำนวนมากในขณะนี้
ถ้าเหตุผลมีแค่นี้ เราคงจบเรื่องนี้ได้โดยสรุปว่า Flexible Working Hour นี่ละคือสิ่งที่ควรจะเป็น
…อย่างไรก็ดี…
คุณไม่ได้ทำงานคนเดียว
ความรับผิดชอบต่อทีม
งานบางอย่างทำ remote ไม่ได้
งานบางอย่างมีปัจจัยภายนอก ที่ทำให้เราต้องเจอกันในเวลาที่เป็นปกติ
งานบางอย่างเราต้องนัดเวลากับคนทั้งทีม ในเวลาที่ทุกคนสะดวก — ถ้าทีมของคุณมีคนที่มีครอบครัว ต้องตื่นเช้าไปส่งลูกเรียน เราก็ต้องนึกถึงเวลาที่สะดวกสำหรับคนเหล่านี้ด้วย
หากทุกคนทำงานเมื่อไรก็ได้ การจัดเวลาเพื่อมาทำงานข้างต้นจะกลายเป็น overhead ที่สูง — การมีเวลาเข้างานที่ชัดเจนจึงมีข้อดีตรงที่ทุกคนคาดหวังได้ว่า ณ ช่วงเวลานี้ ๆ คนทุกคนจะ “available” ที่จะทำงาน

การเจอกันยังเป็นเรื่องจำเป็น
เราอยู่ในยุคที่คนอยากทำงาน Remote กันมากขึ้นเรื่อย ๆ
แต่ผมยังเชื่อว่าการพบปะกันแบบ Physical ยังเป็นสิ่งจำเป็น
ผมอยากได้ทีมที่ไม่ได้แค่อยากทำงานเพียงเพื่อให้ได้ผลงาน แต่ทำเพราะคนในทีมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
นอกจากนี้ การเจอกัน นั่งคุยกัน กินข้าว จิบกาแฟ วาดรูปในกระดาษ บางครั้งมันก่อให้เกิดไอเดียใหม่ ๆ ได้มากกว่าการนั่งทำงานอยู่คนเดียว (แม้บ้างครั้งมันจะเป็นแค่ข้ออ้างในการหาอร่อย ๆ กินหรือหาเรื่องสนุก ๆ ทำก็เถอะ)

การฝึกให้ทีมงานมีวินัย
คุณมาสายเพราะคุณตื่นเช้าไม่เป็น หรือเพราะคุณทำงานได้ productive กว่าเมื่อมาสาย?
ว่าง่าย ๆ คือ คำว่าตื่นสายของคุณ เป็นข้ออ้าง หรือ เหตุผล
ผมชอบให้สิ่งที่คุณทำ เป็นสิ่งที่คุณเลือกที่จะทำ ไม่ใช่เพราะคุณทำไม่ได้
โดยเฉพาะกับน้องที่พึ่งเรียนจบ — ในฐานะรุ่นพี่ ผมมีความรู้สึกว่า น้องที่จบใหม่ ควรถูกฝึกวินัยให้มาทำงานตรงเวลาเป็น
ถ้าพิสูจน์ว่าทำงานตรงเวลาเป็นแล้ว หลังจากนั้นจะมาไม่ตรงเวลาก็ได้
มิเช่นนั้น หลังจากคุณขาดวินัยไปสัก 4–5 เดือน คุณจะกลับมามีวินัยอีกได้ยาก
และวินัย ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นในการที่จะก้าวหน้า ไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็ตาม
2–3 ปีที่ผ่านมา น้องที่จบใหม่เริ่มมีคำถามในแนวว่า บริษัทของเรามีเวลาเข้าออกยืดหยุ่นหรือไม่
ผมอยากบอกว่า นั่นควรเป็นสิ่งท้าย ๆ ที่คุณควรคำนึงถึง ถ้าคุณอยากเก่งขึ้น
สถานะอภิสิทธิชน
ถ้า Developer/Designer ได้สิทธิเข้างานกี่โมงก็ได้ แล้วคนอื่นได้สิทธินี้ด้วยหรือไม่?
หากบริษัททำธุรกิจ B2B หรือ B2C ที่ต้องมีเวลา support ลูกค้า เราก็จำเป็นต้องมีคนทำงานบางกลุ่มที่มีเวลาเข้างานที่ชัดเจน และตรงต่อเวลา
นั่นทำให้คนที่ได้สิทธิเข้างานแบบยืดหยุ่น เป็นอภิสิทธิชนหรือไม่?
เรื่องนี้ ไม่ได้แก้ปัญหาที่ฝั่งคนได้สิทธิ แต่ต้องสื่อสารให้คนทั้งองค์กรเข้าใจด้วย ว่าทำไมบางคน flexible ได้ แต่บางคนไม่ได้
อย่างไรก็ดี ผมชอบให้คนที่ได้สิทธิ มีความเข้าใจ เห็นใจคนที่ไม่ได้สิทธิ
แล้วข้อสรุปคืออะไร?
ผมเชื่อว่าคนที่ทำงาน creative ควรได้สิทธิในการเลือกทำงานในเวลาที่มีประสิทธิภาพสูงสุด — แต่ไม่ควรใช้สิทธินั้นตลอดเวลา
และก่อนจะได้รับสิทธิ คนที่ได้รับสิทธิควรตระหนักถึงเหตุผลข้างต้นด้วย
- ความรับผิดชอบต่อทีม
- คำนึงถึง Team Dynamics
- คำนึงถึงการมีส่วนร่วมในทีม ทั้งในด้านงานและการอยู่ร่วมกัน
- ระวังที่จะไม่ abuse อภิสิทธิของตน
เหมือนที่ร่างกายมนุษย์เป็นที่รวมตัวของสิ่งมีชีวิตย่อย ๆ จำนวนมาก — องค์กร ธุรกิจ และทีมก็ประกอบจากทุกคนในทีม
เราไม่ควรคำนึงถึงข้อดีของ flexible working hour ที่มีแต่กับตัวเราเอง แต่เราควรคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อประสิทธิภาพของทีมโดยรวมด้วย
Flexible working hour ในแบบของ Cleverse
ผมไม่อยากโฆษณาว่า Cleverse มีเวลาทำงานที่ flexible — ส่วนหนึ่งเพราะว่า ผมไม่อยากเห็นว่าการมาทำงานกี่โมงก็ได้ กลายเป็นเหตุผลที่คนเลือกมาทำงานกับเรา
ถ้าเหตุผลในการเลือกงานของคุณ คือ อยากทำงานตามใจเมื่อไรก็ได้ — อย่ามาทำงานกับเราเลย
Flexible working hour ในสไตล์ของเรา คือ ข้อตกลงภายในแต่ละทีม ว่าจะมาทำงานกันกี่โมง — แต่ละทีมกำหนดเวลาแตกต่างกันได้
เมื่อทีมตกลงเวลา คุณจะมาก่อนเวลาก็ได้ — ขอแค่ว่า เมื่อถึงเวลาที่ตกลง เราคาดหวังได้ว่าคุณจะอยู่ให้ทีมคุยได้
ในเรื่องเวลาทำงานนี้ ผมงดออกเสียง
สำหรับข้อตกลง version ล่าสุด — กลายเป็นว่าน้องจำนวนหนึ่งอยากกำหนดเวลามาทำงานให้เช้าขึ้นกันเอง ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เช่น รู้สึกว่าตัวเองขาดวินัย รู้สึกว่าการตื่นเช้าเหมือนมีเวลาทำอย่างอื่นมากขึ้น เป็นต้น
อย่างไรก็ดี เรายังคงเหลือวันที่ flexible จริง ๆ จะเข้ากี่โมงก็ได้ไว้สำหรับคนที่บางทีทำงานติดพัน บางทีทำงานดึก บางทีอยากได้เวลาทำงาน private — ซึ่ง ณ ขณะนี้ คือ วันอังคารกับพฤหัสบดี — และเราให้ work at home ได้ 20% หลังจากผ่านช่วงปรับตัว
นอกจากนี้ ถ้าคุณมาทำส่วนที่ต้อง commit กับทีม (เช่น ประชุม นัดกับลูกค้า) เรียบร้อยแล้ว รู้สึกไม่ productive คุณจะเปลี่ยนโหมดก็ไม่มีใครว่า — บางคนนอนไม่พอก็ขอลาไปนอนกันตรง ๆ เลยก็ได้
และเราได้ทำการทดลองโดยไม่จำกัดวันลาพักร้อนต่อปีมาสักพักแล้ว — ผลที่ได้ค่อนข้างดี คือ ทุกคนลาโดยมีความเกรงใจต่อเพื่อนร่วมทีมและรับผิดชอบต่องานที่ทำ เช่น น้องบางคนลาไปเที่ยวต่างประเทศ 20 วัน แต่ก็ขน Notebook ไปและมีการ remote มาแก้ปัญหาให้ด้วย
… นี่จะไม่ใช่ข้อกำหนดสุดท้ายของเรา …
เหมือนที่ “Continuous Development” คือ ธรรมชาติของการพัฒนา product — กติกาของเราก็จะต้องถูกปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่องตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
นี่คือ “flexible working hour” ในความหมายของ Cleverse
สิ่งที่เราใส่ใจ คือ ทำให้ทุกคนตระหนักว่า เรากำหนดวิธีการทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ความสำคัญกับเพื่อนร่วมทีม และให้ความสำคัญกับการเจริญเติบโตของตัวเราเอง
ถ้าคำนึงถึงข้อเหล่านี้ จะกำหนดเวลาอย่างไรก็ได้